10 สิ่งของในบ้านเหล่านี้ ทำความสะอาดบ่อยแค่ไหนถึงจะดี เป็นการดีที่จะทำความสะอาดล่วงหน้าและบ่อยครั้ง แต่ยอมรับเถอะว่าบางครั้งเราเผลอทิ้งสิ่งของรอบตัวเราให้เปื้อนฝุ่นและสกปรกเป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นเพราะคุณยุ่งหรือแค่ขี้เกียจ งานทำความสะอาดยังเป็นสิ่งจำเป็น มาดูกัน. สิ่งของในครัวเรือนเหล่านี้ควรทำความสะอาดบ่อยแค่ไหน? ดังนั้นหยุดหาข้อแก้ตัวได้แล้ว! ปลอดภัยห่างไกลจากเชื้อโรค
1. ผ้าปูที่นอนสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
ผ้าปูที่นอน บอกเลยว่าควรซักผ้าปูที่นอนให้บ่อยเข้าไว้ เพราะฝุ่นละออง เหงื่อ และความเหนอะหนะต่าง ๆ ก่อตัวขึ้นทุกวัน จนผ้าปูที่เราขลุกตัวอยู่อาจอุดมไปด้วยเชื้อโรค ! ดังนั้นหากเป็นไปได้ให้ซักผ้าและอบแห้งด้วยความร้อนอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ใครที่ชอบหมกผ้าปูที่นอนไว้หลาย ๆ เดือนค่อยซัก ก็เปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ได้แล้ว
2. ผ้าเช็ดตัวหลังจากใช้ไปแล้ว 6 ครั้ง
ผ้าเช็ดตัว น้อยคนที่จะซักผ้าเช็ดตัวทุกวัน แต่บางคนก็ใช้ผ้าขนหนูผืนเดิม ๆ เป็นอาทิตย์หรือหลายอาทิตย์กว่าจะโยนเข้าเครื่องซัก ซึ่งผู้เชี่ยวชาญได้บอกมาว่า เราควรใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเดิมซ้ำแค่ 6 ครั้งก็เกินพอแล้ว เพราะในการใช้แต่ละครั้งผ้าเช็ดตัวจะจับเอาเซลล์ผิวที่ตายแล้วตามร่างกาย รวมถึงแบคทีเรียที่อาศัยอยู่บนผิวหนังไปสะสมไว้ ดังนั้นถ้าไม่อยากให้แบคทีเรียที่ยุ่บยั่บบนผ้าเช็ดตัว กลับมาเกาะบนผิวหนังของเราอีกครั้ง ก็โยนผ้าเช็ดตัวลงเครื่องซักผ้าซะเถอะ
3. ร่องยาแนวกระเบื้องปีละ 1 ครั้ง
ร่องยาแนวกระเบื้อง แม้จะล้างห้องน้ำอย่างเป็นประจำอยู่แล้ว แต่เราควรขัดร่องยาแนวที่มักมีคราบสกปรกไปอัดแน่นอยู่อย่างจริงจังปีละ 1 ครั้ง ด้วยวิธีง่าย ๆ คือสเปรย์น้ำยาที่มีน้ำและคลอรีนผสมอยู่อย่างละครึ่งลงไป ทิ้งไว้ 20 นาทีก่อนใช้แปรงขัดให้สะอาด แต่บอกไว้ก่อนสูตรนี้ไม่เหมาะกับยาแนวแบบมีสีนะจ๊ะ
4. มุ้งลวดหน้าต่างทุก 6 เดือน
มุ้งลวด หน้าต่างคือแหล่งสะสมฝุ่น ถ้าไม่มีเวลาก็ให้ทำความสะอาดอย่างน้อย 6 เดือนครั้ง โดยให้ถอดมุ้งลวดออกมาฉีดน้ำให้ทั่ว จากนั้นใช้แปรงไนลอนขัดเบา ๆ ก่อนล้างอีกครั้งและผึ่งให้แห้ง ที่สำคัญก่อนใส่คืนอย่าลืมเช็ดฝุ่นตรงรางมุ้งลวดด้วยล่ะ
5. ฟูกนอนทุก 3 เดือน
ฟูกนอน ก็เหมือนผ้าปูที่นอนที่ต้องซับเหงื่อและความเหนอะหนะจากร่างกายทุกวัน ดังนั้นทำความสะอาดฟูกนอนทุก ๆ 3 เดือน ด้วยการโรยผงเบกกิ้งโซดาลงไปแล้วทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมงก่อนจะดูดฝุ่นออก หรืออีกวิธีที่แนะนำคือซื้อผ้ารองกันเปื้อนมาปูทับก่อนสวมผ้าปูที่นอน รวมถึงหมั่นกลับด้านฟูกทุกเดือนด้วยยิ่งดี
6. เฟอร์นิเจอร์ไม้เดือนละ 1 ครั้ง
เฟอร์นิเจอร์ ไม้ในบ้านก็ใช่ว่าจะมองข้ามได้นะ แต่ยอมรับมาซะดี ๆ ว่าไม่เคยทำความสะอาดกันเลยใช่ไหมล่ะ ดังนั้นต่อไปนี้ให้ทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ไม้เดือนละ 1 ครั้ง ด้วยการผสมน้ำยาล้างจานหรือน้ำส้มสายชูลงในน้ำสะอาดให้เจือจางหน่อย จากนั้นให้ผ้านุ่ม ๆ จุ่มแล้วเช็ดตามเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ให้ทั่ว ก่อนเช็ดซ้ำอีกครั้งด้วยผ้าชุบน้ำสะอาด ปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งก่อนใช้งาน ก็เป็นอันเรียบร้อย
7. เครื่องซักผ้า ทุกครั้งหลังซักผ้าสกปรกมาก ๆ
เครื่องซักผ้า รู้หรือไม่ว่า 60% ของเครื่องซักผ้าเต็มไปด้วยแบคทีเรีย นอกจากนี้ชุดชั้นในและผ้าเช็ดตัวยังอาจแพร่เชื้ออีโคไลและซาลโมเนลลาอีกด้วย ดังนั้นให้ทำความสะอาดเครื่องซักผ้าทุกครั้ง หลังซักผ้าที่สกปรกหรือเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อมาก ๆ ด้วยการรันระบบน้ำร้อนในตัวเครื่องเหมือนเวลาซักผ้าตามปกติ หรือหากเป็นไปได้ให้แยกซักผ้าสกปรกเหล่านั้นด้วยน้ำร้อนต่างหากไปเลย
8. หมอนทุก 1-3 เดือน
หมอน จากงานวิจัยพบว่ามีเชื้อรากว่า 16 สายพันธุ์ที่อาศัยอยู่บนหมอนหนุน ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุของความเสี่ยงต่อโรคภูมิแพ้ ! ดังนั้นเพื่อให้มั่นใจว่าเราเอนศีรษะลงบนหมอนที่สะอาดทุกคืน ให้ซักหมอนหนุนทุก ๆ 1-3 เดือน โดยการใส่หมอนลงในเครื่องซักผ้า จากนั้นตั้งระบบซักผ้าที่ต้องดูแลพิเศษ โดยในขั้นตอนของการอบแห้งให้โยนลูกเทนนิสลงไปตีหมอนให้ฟูนุ่มด้วย หรือจะผึ่งแดดให้แห้งเองก็ได้เช่นกัน
9. คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ยิ่งบ่อยยิ่งดี
คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ รู้หรือไม่ว่ามีเชื้อแบคทีเรียอยู่บนคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์มากกว่าบนที่นั่งชักโครกถึง 5 เท่า รวมถึง 10% ของผู้ใช้คอมพิวเตอร์รับสารภาพว่าไม่เคยทำความสะอาดคีย์บอร์ดเลยสักครั้ง ! ก็ถ้าไม่อยากเป็น 1 ใน 10 ของคนกลุ่มนั้น ที่อาจป่วยเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ให้ใช้สำลีจุ่มแอลกอฮอล์เช็ดให้ทั่วเลย ส่วนตามซอกมุมก็ให้ใช้คอตตอนบัดเป็นตัวช่วยค่ะ
10. ซิงก์ล้างจานซิงก์ล้างจานในห้องครัวมีเชื้อจุลินทรีย์มากกว่าในห้องน้ำอีกนะ
ซิงก์ล้างจาน เพราะวัตถุดิบที่เราใช้ปรุงอาหารรวมถึงเศษอาหารที่เราล้างลงไปในซิงก์หมักหมมจนเชื้อโรคเพาะตัว จนอาจเป็นสาเหตุให้เราเจ็บป่วยได้ ดังนั้นทำความสะอาดซิงก์ล้างจานหลังการใช้งานเสร็จทุกวัน เพื่อคนในบ้านปลอดภัยห่างไกลจากโรค หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าต้องทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นบ่อยแค่ไหน เอาเป็นว่าเมื่อรู้แล้วไม่ว่างานยุ่งหรือขี้เกียจแค่ไหนก็อย่าลืมเจียดเวลามาทำความสะอาดสิ่งของในบ้านเหล่านี้บ้างนะคะ